“สานศรัทธาอาสาสมัคร สร้างสังคมดีงาม” ปรัชญาการทำงานเสริมสร้างคนหนุ่มสาวที่มอส.มีมาตลอด 35 ปี แม้ว่าการทำงานอาสาสมัครจะเปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัย แต่จุดยืนเรื่องการสร้างคนหนุ่มสาวที่มีจิตสำนึกรับใช้สังคมไม่เคยเปลี่ยน

ตลอด 10 ปีของการทำโครงการอาสานักสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างนักสิทธิ์รุ่นใหม่ไปทำงานสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในแง่มุมต่างๆ ของสังคม ถึงวันนี้ มอส.มีความพยายามสรุปบทเรียนการทำงาน เพื่อส่งต่อบทเรียนนั้นไปให้ผู้ที่สนใจแนวคิดและอยากจะนำแนวคิดไปขยายผล โดยเฉพาะองค์กรด้านสิทธิ์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพราะการละเมิดสิทธิ์มนุษยชนในปัจจุบันไปพ้นเขตแดนของความเป็นรัฐชาติ เราและประเทศเพื่อนบ้านจึงตกอยู่ในชะตากรรมที่ไม่ต่างกันมากนัก

โปรดติดตามอีก 2 ตอนจนจบ!”

โดย กรรณิกา ควรขจร มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.)

บทที่  ๔  กระบวนการฝึกอบรม-สัมมนา

 

กระบวนการเรียนรู้ของอาสาสมัครในระยะเวลา  ๑ ปี นั้น มอส.เรียกว่า “การเรียนรู้ท่ามกลางการปฏิบัติงาน”   ซึ่งหมายถึงการเรียนรู้จากปฏิบัติงานจริง กับปัญหาจริง ในพื้นที่จริง และมีการเสริมการเรียนรู้ให้กับอาสาสมัคร   บทบาทของการจัดการเรียนรู้อยู่ที่ ๒ ฝ่าย คือ

 

๑)   องค์กรที่รับอาสาสมัคร  ซึ่งเป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่สำคัญของอาสาสมัคร  ซึ่งองค์กรเป็นผู้ดูแล มอบหมายงาน  ติดตามผลการทำงาน รวมทั้งเรื่องทุกข์ สุข จัดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้อง

๒)  มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม มอส.จัดการเรียนรู้ร่วมกันของอาสาสมัครทุกคนในรุ่นโดยการจัดการจัดการฝึกอบรม สัมมนา หลักๆ จำนวน ๔ ครั้งใน ๑ ปี เพื่อเสริมการเรียนรู้ร่วมกันในด้านความรู้  การวิเคราะห์-สังเคราะห์ การสรุปบทเรียน การสร้างความสัมพันธ์ สร้างกัลยาณมิตรให้เกิดขึ้น

 

เป้าหมายการเติบโตของอาสาสมัคร มอส. มุ่งหวังให้อาสาสมัครเติบโตใน ๓ ด้านคือ ด้านความคิด การวิเคราะห์ สังเคราะห์(Head) ด้านทักษะการปฏิบัติงาน (Hand) ด้านอุดมคติ อุดมการณ์ในการทำงานเพื่อสังคม (Heart) อีกประเด็นที่สำคัญคือการสร้างมิตรภาพ ระหว่างอาสาสมัคร (Friendship) ให้เป็นพลังหนุนกำลังใจ หนุนการสร้างเครือข่าย (Network) ต่อไป ทั้งหมดนี้เพื่อให้เขาสามารถเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ได้ในอนาคต ดังนั้นในการพัฒนาอาสาสมัครทั้ง มอส. และองค์กร ต้องเข้าใจเรื่องนี้ร่วมกัน  และเมื่อมีอาสาสมัครเข้ามาร่วมกระบวนการแล้ว  อาสาสมัครก็จะเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในคิด เสนอแนะและจัดการเรียนรู้ได้เองด้วย

 

ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะในส่วนที่เป็นกระบวนการฝึกอบรม-สัมมนาที่ มอส.จัดขึ้น  เพราะในส่วนขององค์กรนั้นมีความหลากหลายในรูปแบบการจัดการเรียนรู้ให้กับอาสาสมัคร  ซึ่ง มอส.จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง  แต่จะไปติดตาม เยี่ยมเยียน และแลกเปลี่ยนกับองค์กรเป็นระยะๆ ในช่วงการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร

 

มอส.ได้จัดกระบวนการฝึกอบรม-สัมมนา ให้กับอาสาสมัครในตลอดระยะเวลา ๑ ปี รวม ๔ ครั้ง ครั้งละประมาณ  ๕ วัน ได้แก่

๑.     การปฐมนิเทศ  ก่อนออกปฏิบัติงาน

๒.     การอบรม-สัมมนาครบระยะการปฏิบัติงาน ๔ เดือน

๓.     การอบรม-สัมมนาครบระยะการปฏิบัติงาน ๘ เดือน

๔.    การนำเสนอรายงานการศึกษา บทเรียน และการสัมมนาสิ้นสุดวาระ ๑ ปี

 

มอส.ได้กำหนดให้เมื่อสิ้นสุดวาระการทำงาน ๑ ปี อาสาสมัครจะต้องเขียน  รายงานการศึกษา สรุปบทเรียนการทำงานนำเสนอในการสัมนาครบระยะการปฏิบัติงาน ๑ ปี   นอกจากนี้อาสาสมัครจะต้องส่งรายงานก่อนมาร่วมสัมมนา ๔ เดือน และ ๘ เดือน ในประเด็นที่กำหนดไว้ในคู่มืออาสาสมัคร ซึ่งจะเป็นคำถามที่เกี่ยวกับงานและการวิเคราะห์ในประเด็นสิทธิ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นงานที่อาสาสมัครปฏิบัติงานอยู่

 

บทบาทของทีมเจ้าหน้าที่ มอส. จะมีบทบาทในการออกแบบ  และ จัดการประเมินผลการฝึกอบรม-สัมมนาทุกครั้ง และในระหว่างการสัมมนา  ทีมเจ้าหน้าที่จะอยู่ตลอด  เป็นวิทยากร หรือจัดกิจกรรมในบางเรื่อง เช่นการสร้างกลุ่มสัมพันธ์   มีบทบาทในการเชื่อมโยงกับวิทยากรให้นำเสนอได้อย่างตรงประเด็น  เป็นผู้ดำเนินรายการ  เชื่อมโยงกับประเด็นของอาสาสมัคร      สร้างการมีส่วนร่วมกับอาสาสมัครในการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆที่นอกเหนือจากตารางที่กำหนดไว้เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี หรือเกิดกลุ่มเรียนรู้ ถกเถียงในประเด็นที่สนใจ   หลังจากที่อาสาสมัครแยกย้ายกันไปปฏิบัติงานแล้ว เจ้าหน้าที่ มอส.จะมีการติดตาม เยี่ยมเยียน อาสาสมัคร และองค์กร  แล้วจะรวบรวมประเด็นข้อเสนอในการฝึกอบรมทั้งจากอาสาสมัคร และองค์กร เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบครั้งต่อไปด้วย

การปฐมนิเทศ  ก่อนออกปฏิบัติงาน

 

เป้าหมาย  เพื่อเตรียมความพร้อมด้านความรู้ ความเข้าใจ ในหลักการสิทธิมนุษยชน  ความพร้อมในการปรับตัว หรือแก้ปัญหา ในการปฏิบัติงานร่วมกับองค์กร  และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างอาสาสมัครกันเองและกับเจ้าหน้าที่

 

เนื้อหา กระบวนการ   มอส.จะออกแบบตามเป้าหมายของแต่ละครั้ง โดยมีเนื้อหา และ ใช้รูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่

 

 

 

 

 

 

 

หัวใจสำคัญของการปฐมนิเทศ คือ การสร้างความเป็นเพื่อนระหว่างอาสาสมัคร ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจร่วมกัน  มีความเข้าใจ  ไว้ใจซึ่งกันและกัน  ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขามีกำลังใจในการทำงาน  และเขาจะให้กำลังใจ แก่กัน หลังจากที่แยกย้ายไปทำงานกันในแต่ละองค์กร

 

การอบรม-สัมมนาครบระยะการปฏิบัติงาน ๔ เดือน

 

เป้าหมาย  เพื่อให้อาสาสมัครสรุปบทเรียนการทำงาน  ๔ เดือน / เสริมการเรียนรู้  การวิเคราะห์ในสถานการณ์ด้านสิทธิ  สังคมเชื่อมโยงในระดับอาเซียน หรือระดับโลก / การเรียนรู้ประเด็นสังคมในพื้นที่จริง / การเตรียมความเข้าใจในเรื่องการทำรายงานการศึกษา

 

เนื้อหา / กระบวนการ

ในช่วง ๔ เดือนแรกของการทำงาน อาสาสมัครอยู่ในช่วงของการปรับตัว ทำความเข้าใจกับองค์กร เป้าหมาย ภารกิจขององค์กร และบทบาทของตัวเอง อีกทั้งการมีเพื่อนร่วมงานใหม่ ที่มีทั้งเข้ากันได้ เข้ากันไม่ได้   บางคนเจอสภาพการทำงานหนัก  ไม่ค่อยมีเวลา หรือ ยังทำงานไม่เป็น ไม่ได้  ก็จะรู้สึกหวั่นไหว  ซึ่งมอส.จะแนะนำให้อดทน  เมื่อไม่เข้าใจ ไม่พอใจอะไรก็ให้พูดคุยองค์กร  บางคนก็ใช้เวลาในการปรับตัวไม่นาน  บางคนก็ยังปรับตัวไม่ได้ ขึ้นกับหลายปัจจัย  การมาสัมมนาช่วง ๔ เดือนเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ให้อาสาสมัครทั้งกลุ่มมาพบกัน    บรรยากาศของช่วงนี้จึงเป็นช่วงของการมาระบาย  มาทบทวน  มาคิด วิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง   มาเรียนรู้ให้กว้างและลึก  และสร้างแรงบันดาลใจ

 

 

 

 

 

 

 

การอบรม-สัมมนาครบระยะการปฏิบัติงาน ๘ เดือน

 

เป้าหมาย   เพื่อให้อาสาสมัครสรุปบทเรียนการทำงาน  ๘ เดือน / เสริมการเรียนรู้ โดยการศึกษาดูงาน   / การทดลองนำเสนอร่างหัวข้อ เค้าโครงการศึกษา  เนื้อหาเบื้องต้นของรายงานการศึกษา

 

เนื้อหา กระบวนการ

 

เมื่ออาสาสมัครทำงานมาถึงช่วงเดือนที่ ๘ หมายถึงอาสาสมัครได้ก้าวพ้นการปรับตัว  และ รับผิดชอบงานอย่างเต็มที่  มีมุมมองและความเข้าใจงานที่ลึกมากขึ้น   ดังนั้น การสัมมนา ๘ เดือน จึงเป็นการสรุปบทเรียน   ต่อยอดการเรียนรู้ให้ละเอียด   ตอกย้ำ ความมุ่งมั่น เป้าหมายที่จะไปให้ถึง ๑ ปี   และที่สำคัญคือการดำเนินตามเป้าและแผนที่จะทำรายงานการศึกษาให้สำเร็จ สมบูรณ์

 

 

 

 

การนำเสนอรายงานการศึกษา บทเรียน และการสัมมนาสิ้นสุดวาระ ๑ ปี

 

เป้าหมาย   ให้อาสาสมัครนำเสนอรายงานการศึกษาในเวทีสัมมนาโดยมีผู้วิจารณ์ที่เกี่ยวข้องในประเด็นนั้นๆ   และ การสรุป บทเรียนการเรียนรู้  การเปลี่ยนแปลงตนเองในช่วง ๑ ปีของการเป็นอาสาสมัคร

 

เนื้อหา กระบวนการ

การสัมมนาครั้งนี้ อาสาสมัครจะค่อนข้างตื่นเต้นกับการนำเสนอรายงานการศึกษา เพราะจะต้องนำเสนอให้กระชับ  มีผู้วิจารณ์  และองค์กรก็มาร่วมฟัง และให้ความเห็นด้วย    บางครั้งจะเชิญผู้ที่สนใจมาร่วมฟังด้วย   การนำเสนอรายงานจะใช้ห้องประชุมที่เป็นทางการ  หลังจากการเสนอรายงานเสร็จแล้ว จะเป็นการสัมมนาสรุปบทเรียน ชีวิต ๑ ปี โดยไปต่างจังหวัดใกล้ๆ ประมาณ ๓ วัน

 

 

จะเห็นได้ว่าในการการออกแบบเสริมการเรียนรู้ให้อาสาสมัคร มอส.จะพยายามให้มีความผสมผสานกันในเรื่อง  สมอง หัวใจ  การปฏิบัติ  Head Heart Hand   โดยเฉพาะในเรื่อง สมอง และ หัวใจ  เพราะการลงมือปฏิบัติจริงๆคือ การกลับไปปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งในองค์กรซึ่งจะทำให้เกิดทักษะในการทำงานเฉพาะขึ้น    เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งของการสัมมนาทุกครั้ง คือการสร้างมิตรภาพ การสร้างกัลยาณมิตร  ซึ่งจะต้องสร้างให้ได้ในช่วงของการปฐมนิเทศ   จากนั้นมิตรภาพจะดำเนินไปเองโดยอาสาสมัคร  ทั้งในช่วงการสัมมนาครบการปฏิบัติงาน  ๔ เดือน  ๘ เดือน  ๑ ปี  รวมทั้งในช่วงการทำงาน โดยตลอดวาระอาสาสมัคร   หลังวาระ   และเป็นเพื่อนที่ร่วมอุดมการณ์ ไปตลอดชีวิต

 

ทุกการเรียนรู้จะนำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจ และ พลังในการทำงาน เพื่อคุ้มกันให้อาสาสมัครทำงานอย่างมีสติ  มุ่งมั่น  อดทน  สู้งานหนัก  เพราะการทำงานแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิฯ  มักมีความกดดันสูงจากงานที่มากมาย จากกลุ่มเป้าหมายที่ทำงานด้วย  หากจิตใจไม่มั่นคง โอกาสที่จะท้อถอยหมดกำลังใจจะเกิดขึ้นได้ง่าย   ดังนั้นเมื่ออาสาสมัครมีความเข้มแข็งทางจิตใจแล้วการทำงานย่อมเกิดผลที่ดีตามมาแน่นอน    เมื่อครบวาระการทำงาน ๑ ปี อาสาสมัครจำนวนประมาณ หรือ มากกว่า ครึ่งหนึ่งทำงานต่อเนื่องเป็นเจ้าหน้าที่ในองค์กรนั้น    เพราะองค์กรก็ต้องการคนทำงานที่มุ่งมั่น  เข้าใจงาน   ทำงานต่อเนื่องทั้งสิ้น  อดีตอาสาสมัครหลายคนก็เป็นกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับองค์กรในระยะต่อมา

 

 

เรื่องโดย มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม และเครือข่ายฯ

ค้นหาโครงการที่เหมาะกับฉัน
thThai