โดย กฤษณา พาลีรักษ์
“ซินดาบาลา มิชรา” เกิดในครอบครัวคนยากจนในชนบทประเทศอินเดีย เธอเป็นหญิงธรรมดาที่มีความใฝ่ฝันต่อชีวิตสวยงามดุจเดียวกับเด็กสาวทั่วไป แต่ซินดาบาลากลับประสบเคราะห์กรรมที่แตกต่างจากภาพฝัน เมื่อเธอโตเป็นสาวและแต่งงานออกเรือนไปได้เพียง 2 ปี สามีของเธอได้ตายลง และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่แม้ไม่ได้เลวร้ายขนาดต้องกระโดดเข้ากองไฟตายตาม แต่ครอบครัวของสามี กลับเห็นว่าเธอเป็นภาระที่พวกเขาไม่อยากแบกรับ หลังจากงานศพไม่นาน ซินดาบาลาจึงถูกขับออกจากบ้าน และได้กลายเป็นคนเร่ร่อนไปโดยปริยาย
ตามความเชื่อของชาวอินเดียนั้น เมื่อลูกสาวแต่งงานออกจากบ้าน เธอได้ตกเป็นสมบัติของสามีและต้องตัดขาดการเลี้ยงดูกับครอบครัวเดิมลง และไม่สามารถกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงได้ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ยิ่งชีวิตหญิงหม้ายในสังคมอินเดียยิ่งถูกมองเป็นสิ่งอัปมงคล หากไม่โชคร้ายขนาดต้องถูกขับออกจากบ้านเหมือนซินดาบาลา พวกเธอต้องอยู่อย่างลับๆ ล่อๆ และไม่มีทางได้รับการยอมรับหรือกลับมามีสถานะทัดเทียมกับผู้อื่นในสังคมได้อีก จึงมีข้อมูลบ่งชี้มากมายว่า ในครอบครัวยากจน บางทีพวกเขาจะฆ่าเด็กทันที เมื่อรู้ว่าเด็กที่เพิ่งคลอดออกมานั้นเป็นเพศหญิง
เมื่อกลายเป็นคนไร้บ้าน ซินดาบาลาใช้ชีวิตเร่ร่อนไปทั่ว เธออดมื้อกินมื้อ ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น แรกๆ เธอรู้สึกกลัวและนอนหลับไปพร้อมความหวาดระแวง แต่นานวันเข้าเธอรู้วิธีเอาตัวรอด และได้กลายเป็นคนจรจัดเต็มตัวในประเทศที่มีคนยากจนมากติดอันดับโลก เธอเห็นอกเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา โดยเฉพาะความรู้สึกของเด็กกำพร้าที่จำต้องกลายเป็นคนไร้บ้านและขอทานประทังชีวิต พวกเขาต้องเผชิญกับความอ้างว้างโดยลำพัง และได้กลายเป็นตัวแทนของอนาคตที่มืดมนที่สุดในประเทศอินเดีย
ซินดาบาลาเคยได้ยินมาเหมือนกันว่า เด็กบางคนที่เกิดในครอบครัวขอทาน ถึงแม้ตอนแรกเกิดพวกเขาจะมีอวัยวะครบ 32 ประการหรือเป็นเด็กสมประกอบ แต่ด้วยความยากจน พ่อแม่จำใจต้องตัดแขนตัดขาลูกๆ เพราะความพิกลพิการเรียกคะแนนความสงสารได้ดีกว่า
กระนั้นก็ตาม อาชีพขอทานเองก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายคนคิด เมื่อรายจ่ายของพวกเขาไม่ได้มากนัก อย่างซินดาบาลาเอง ในหลายปีต่อมาก็มีเงินสะสมมากขนาดสามารถซื้อที่ดินเป็นของตัวเองได้ แต่แปลกตรงที่ความปรารถนาจะสร้างบ้านของตัวเองบนที่ดินแปลงนั้น เพื่อปีนป่ายกลับขึ้นไปอยู่ในสถานะที่ทัดเทียมกับผู้อื่น ไม่ได้เกิดขึ้นในความรู้สึกของเธอเลย ซินดาบาลาอยากสร้างศูนย์พักพิงเพื่อเด็กกำพร้าขึ้น และมอบมันเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง
เมื่อความคิดเรื่องนี้ของเธอแพร่กระจายออกไป เธอได้รับการสนับสนุนจากคนในสังคมอย่างท่วมท้น มีผู้บริจาคทุนทรัพย์และมีอาสาสมัครมาร่วมสร้างศูนย์พักพิงฯแห่งนี้มากมาย นอกจากนั้นพวกเขายังร่วมแรงร่วมใจกันสร้างสวนสาธารณะเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในบริเวณใกล้เคียงขึ้น ตลอดระยะเวลาของการก่อสร้าง ซินดาบาลามีความสุขมาก เธอไม่คิดว่า การกระทำเพื่อความสุขของตัวเองครั้งสำคัญจะสร้างความสุขและส่งต่อความดีถึงผู้อื่นได้มากมายเพียงนี้ มันมากกว่าฝันสวยงามยามเด็ก มันคือรางวัลที่ตอบแทนการให้ที่ยิ่งใหญ่ของผู้หญิงยากไร้คนหนึ่ง เธอจึงอยากอุทิศวันเวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อดูแลเด็กๆ
ปัจจุบันมีเด็กกำพร้ามากมายมีชีวิตอยู่อย่างอบอุ่นที่นี่ พวกเขามีบ้านหลังใหม่ มีความรักจากซินดาบาลาหญิงหม้ายผู้กลายเป็นเสมือนแม่ และมีโอกาสใหม่ๆ ที่สังคมพร้อมจะหยิบยื่น ผู้คนต่างซึ้งในน้ำใจของหญิงหม้ายผู้จุดคบเพลิงต่อความฝันให้เด็กกำพร้า และจุดคบไฟให้หัวใจผู้คนได้ตื่นขึ้น และหันมาเอาใจใส่ดูแลผู้อื่นอย่างไม่เลือกชนชั้นวรรณะ และลงมือทำความดีให้หัวใจได้เต็มตื้นเหมือนที่ “ซินดาบาลา..หญิงหม้ายหัวใจเทวดา” ได้พิสูจน์ให้เห็น.