ดำเนินการตั้งแต่ปี 2549 ตอนนี้กำลัง รับสมัครรุ่นที่ 13
เปิดรับสมัครถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 Click -> ดาวน์โหลดใบสมัคร กรอกใบสมัครให้ครบถ้วนและส่งกลับมาที่ admin@thaivolunteer.orgเรากำลังเปิดรับอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชนรุ่นที่ 13 ที่กระตือรือร้นและสนใจประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน งานด้านสังคม และอยากเห็นยุติธรรม ความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในสังคม โดยคุณจะเข้าร่วมกระบวนการเรียนในโครงการฯ เต็มเวลา 1 ปี ภายใต้การดูแลของมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562 เรามีกระบวนการเรียนรู้ที่มีความเป็นมืออาชีพ และใช้วิธีการมีส่วนร่วม เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Learning by Doing) จะมีค่าเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 8000- 9000 ระยะเวลา 1 ปี
คุณสมบัติของผู้สมัคร
- จบปริญญาตรีด้านกฎหมาย หรือสาขาอื่นๆ
- อายุระหว่าง 20-30 ปี
- สามารถเป็นอาสาสมัครเต็มเวลาจนครบ 1 ปี
- รับสมัครเฉพาะผู้ที่มีสัญชาติไทย
ภารกิจสำคัญของฝ่ายอาสาสมัคร
คือ ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้กับคนหนุ่มสาวที่มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อสังคมได้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาตนเองทั้งด้านความคิด มุมมอง ทัศนคติทางสังคม พัฒนาความสามารถในการทำงาน ภายใต้โครงการ “โครงการอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน” โดยการปฏิบัติงานกับองค์กรที่ทำงานเชื่อมประสานกับผู้ที่ถูกละเมิดจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับคนหนุ่มสาวได้ทำประโยชน์ให้กับสังคม ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไปเติบโตอยู่ ณ ที่ใด
ในแต่ละปี มอส. จะดำเนินการคัดเลือก ฝึกอบรมและจัดส่งอาสาสมัครได้เข้าไปทำงานกับองค์กรพัฒนาเอกชนทั่วประเทศ โดยอาสาสมัครได้รับค่าตอบแทนรายเดือนที่เพียงพอแก่การยังชีพ ในระหว่างวาระการเป็นอาสาสมัครนั้น ฝ่ายอาสาสมัครจะมีกระบวนการพัฒนาศักยภาพให้กับอาสาสมัครทั้งงานทางด้าน ความคิด ทางด้านชีวิต ทางด้านจิตใจ โดยใช้กระบวนการนำบทเรียนหรือประสบการณ์ที่ได้จากการลงไปทำงานของอาสาสมัครเอง หรือให้ความรู้เฉพาะทางที่อาสาสมัครจะสามารถนำไปใช้ในการทำงาน ประเด็นที่อาสาสมัครได้เข้าไปทำงาน เช่น ประเด็นคนไร้รัฐ ไร้สถานะ ประเด็นสิ่งแวดล้อม ประเด็นแรงงานทั้งแรงงานข้ามชาติและแรงงานไทย ประเด็นผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ประเด็นผู้หญิง ประเด็นที่ดิน ฯลฯ
โดยในปัจจุบัน มีอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการแล้วทั้งหมด 11 รุ่น จำนวนประมาณ 300 คน อดีตอาสาสมัคร ได้ก่อเกิดการจัดตั้ง เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนขึ้นมาและปัจจุบันได้จดทะเบียนเป็นสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นผลของการที่อดีตอาสาสมัครได้รวมตัวกันขึ้นมาเพื่อทำกิจกรรมต่อเนื่อง และเป็นพื้นที่ให้กับอดีตอาสาสมัครและคนที่สนใจในประเด็นสิทธิมนุษยชนได้มีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยน พูดคุยและทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน
วัตถุประสงค์ของโครงการ 1.เสริมสร้างนักกฎหมายและคนรุ่นใหม่ให้มีความเข้าใจปัญหาสังคม ปัญหาประชาชนผู้เสียเปรียบ ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตระหนักในบทบาทที่จะใช้วิชาชีพและความรู้ให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์สังคมที่เป็นธรรมและมีอุดมคติในการทำงานเพื่อสังคม 2.ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีบุคลากรทางกฎหมายและผู้สนใจ ได้เข้ามาหนุนช่วยการแก้ปัญหาของผู้ด้อยโอกาส องค์กรชุมชน และหนุนช่วยการทำงานขององค์กรพัฒนาเอกชน 3. ส่งเสริมการจัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ที่เอื้อให้นักศึกษาด้านนิติศาสตร์ และสาชาอื่นๆได้เข้าใจปัญหาและมีการฝึกปฏิบัติกับกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นจริง 4.ส่งเสริมเวทีการแลกเปลี่ยนของอาสาสมัครทั้งอดีตและปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเครือข่ายคนรุ่นใหม่ที่จะหนุนช่วยกันทำงานแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิในอนาคต “การเป็นอาสาสมัครคือ การพาตนมาเดินอยู่บานเส้นทางแห่งการพัฒนาตนเองควบคู่ไปกับการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น การเป็นอาสาสมัครจึงไม่จำกัดอยู่ที่ช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต แท้จริงอาสาสมัครเป็นงานที่เราควรทำไปตลอดชีวิต” พระไพศาล วิสาโลสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงาน: มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) เลขที่ 409 ชั้น 2 ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320 โทร : 02-691-0437-9 / 089-4880463 / 086-9943322 Line id: moonoimimikoko อัเมลย์ : admin@thaivolunteer.org วีดีโอ: https://www.youtube.com/watch?v=K1p4mL5Vsoo https://www.youtube.com/watch?v=lY3qsuodHpU https://www.youtube.com/watch?v=r-x61rqNi3Q https://www.youtube.com/watch?v=4kTGyd7e6Bc https://www.youtube.com/watch?v=PGROUhY0cOA https://www.youtube.com/watch?v=K1p4mL5Vsoo https://www.youtube.com/watch?v=_7nr2TkQxwE https://www.youtube.com/watch?v=hGuRoRI5anM https://www.youtube.com/watch?v=OLQYbE7FMeU สัมภาษณ์: https://www.thaivolunteer.org/journey-of-human-rights-defenders/ http://thaivolunteer.org/eng/personnal/nugsit-project/?preview=true&preview_id=2374&preview_nonce=b2f72123dd ดำเนินการตั้งแต่ปี 2549 ตอนนี้กำลัง รับสมัครรุ่นที่ 13 เปิดรับสมัครถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 Click -> ดาวน์โหลดใบสมัคร กรอกใบสมัครให้ครบถ้วนและส่งกลับมาที่ admin@thaivolunteer.orgข้อมูลเดี่ยวกับอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน
“ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 ของการทำโครงการอาสานักสิทธิมนุษยชน ของมอส. ด้วยเป้าประสงค์อยากสร้างนักสิทธิมนุษยชนรุ่นใหม่ไปทำงานในองค์กรต่างๆ ทางสังคม มอส.มีความพยายามสรุปบทเรียน และถอดกระบวนการเรียนรู้ออกมาเป็นโมเดลในการทำงาน และมีความต้องการเผยแพร่และสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ด้วยเห็นความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงของปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนไร้พรมแดนในปัจจุบัน
นี่เป็นงานเขียนชิ้นหนึ่งที่มอส.พยายามรวบรวมองค์ความรู้ในการทำงาน ด้วยหวังมันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจอยากอ่านอยากศึกษาและนำบทเรียนดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย ด้วยการแบ่งข้อเขียนขนาดยาวนี้ออกเป็น 5 ตอนเพื่อความสะดวกในการอ่าน และเพื่อประสิทธิผลในการรับบทเรียนโปรดติดตามอ่านจนจบ” 🙂
โครงการอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม
- ความเป็นมา แนวคิด เป้าหมาย ลักษณะของโครงการ
- การสร้างความร่วมมือกับองค์กรภาคี
- กระบวนการคัดเลือกอาสาสมัคร
- กระบวนการฝึกอบรม –สัมมนา
- กระบวนการติดตาม
- บทสรุปและการก้าวต่อไป
บทที่ ๑ ความเป็นมา แนวคิด เป้าหมาย ลักษณะของโครงการ
ความเป็นมา
โครงการอาสาสมัครนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ก่อตั้งในปี 2549 โดยมีที่มาจากการประชุม ร่วมกันของนักสิทธิมนุษยชนที่ทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิ นักพัฒนา นักสิทธิมนุษยชน อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอนแก่น เชียงใหม่ และมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคมซึ่งมีบทบาทในการสร้างอาสาสมัครเต็มเวลาให้กับองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ประชุมได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์หลักๆ คือ
- ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเด็นต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีความรุนแรงมากขึ้น ได้แก่ การประกาศป่าอนุรักษ์ในพื้นที่ที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ การอพยพคนออกจากป่า ปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงาน ผู้หญิง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐ นายทุน และชาวบ้านในการใช้พื้นที่สร้างโครงการขนาดใหญ่ หรือทำเหมืองแร่ ฯลฯ ซึ่งต้องการบุคลากรด้านกฎหมายที่เข้าใจหลักการสิทธิมนุษยชนเข้าไปคลี่คลายปัญหาให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างแท้จริง
- ปัญหาความความขาดแคลนนักกฎหมายที่มีความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งประมาณว่ามีอยู่ไม่เกิน ๒๕ คน ณ ช่วงเวลานั้น เพื่อเข้าไปช่วยคดีที่ชาวบ้านถูกจับ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และบ่อยครั้ง เช่น การถูกฟ้องว่าเข้าไปอยู่ในเขตอนุรักษ์ หรือเข้าทำกินในที่ดินที่มีเจ้าของ ซึ่งในทางกฎหมายถือว่าผิด แต่ในความเป็นจริง ชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่มานาน ก่อนออกกฎหมาย หรือโดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ รวมทั้งคดีละเมิดสิทธิในประเด็นอื่นๆ
- การเรียนการสอนในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ยังขาดคุณภาพในการสร้างนักกฎหมายให้เข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง กระบวนการเรียน การสอน ยังเน้นการเรียนรู้ที่ตัวบทกฎหมาย ขาดการวิเคราะห์จากปัญหาจริง วิชาสิทธิมนุษยชนยังเป็นวิชาเลือกมากกว่าวิชาบังคับ อาจารย์ที่สอนได้ยังมีน้อยและเป็นการสอนในห้องมากกว่าการให้นักศึกษาลงไปศึกษาในพื้นที่จริง มีความเห็นร่วมว่านักกฎหมายเป็นวิชาชีพที่สำคัญสามารถตัดสินชีวิตคนได้ ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่นักกฎหมายควรได้รับการฝึกฝนให้เข้าใจสังคม และปัญหาของผู้ขาดโอกาสอย่างแท้จริง
แนวคิด เป้าหมาย : สร้างนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนในระยะยาว สร้างความเป็นธรรมในสังคม
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาดังกล่าว นำไปสู่การริเริ่มและพัฒนาโครงการที่มีเป้าหมายเสริมสร้างบัณฑิตด้านกฎหมายให้เรียนรู้และปฏิบัติงานแก้ปัญหาด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน กับปัญหาที่เกิดขึ้นจริงกับองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิ ขณะเดียวกันก็สามารถสนับสนุนการทำงานขององค์กร ที่ต้องการบุคลากรด้านกฎหมาย และการเสริมสร้างนี้จะช่วยสร้างนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่จะเข้าไปร่วมขบวนการแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิ และ สร้างความเป็นธรรมในสังคมในระยะยาว
ดำเนินการตั้งแต่ปี 2549 ตอนนี้กำลัง รับสมัครรุ่นที่ 13 เปิดรับสมัครถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 Click -> ดาวน์โหลดใบสมัคร กรอกใบสมัครให้ครบถ้วนและส่งกลับมาที่ admin@thaivolunteer.org
ลักษณะโครงการฯ กลไกในการขับเคลื่อน
โครงการอาสาสมัครนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนจึงถูกออกแบบให้ มีการรับสมัครผู้ที่จบด้านกฎหมายที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจไปปฏิบัติงาน ในองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิฯในประเด็นต่างๆ เป็นระยะเวลา ๑ ปี ในฐานะอาสาสมัครเต็มเวลา โดยถือว่าการเรียนรู้ในองค์กรเป็น “การเรียนรู้ท่ามกลางการปฏิบัติงาน” และยังมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ เป็นระยะๆระหว่างการปฏิบัติงานเพื่อเสริมความรู้ การวิเคราะห์สถานการณ์ การสรุปบทเรียน การเสริมสร้างพลังใจ อุดมการณ์ในการทำงาน และการสร้างเครือข่ายระหว่างอาสาสมัคร อาสาสมัครจะมีค่ายังชีพรายเดือนจนครบ ๑ ปี และมีเงินสมทบให้เมื่อครบวาระ ค่ายังชีพอาสาสมัครจะเป็นแบ่งจ่ายระหว่างองค์กรที่รับอาสาสมัคร และ มอส.โดยปกติ จะอยู่ในอัตรา 80:20 คือองค์กรจ่าย 80% มอส. 20% หรือให้องค์กรจ่าย 100% เลยถ้าเป็นไปได้เพื่อให้มีการแบ่งสัดส่วนไปให้บางองค์กรที่มีงบประมาณจำกัด
กลไกขับเคลื่อนงานคือ คณะกรรมการโครงการฯ ซึ่งประกอบด้วยคณะผู้ก่อตั้งและผู้ที่เชิญมาประมาณ 8-10 คน เพื่อช่วยกำกับทิศทาง ออกแบบหลักสูตร ประเมินผล มอส.เป็นองค์กรเลขา และองค์กรหลักในการพัฒนาโครงการฯหาทุนจากแหล่งต่างๆ และดำเนินงานในฐานะที่เป็นองค์กรที่มีประสบการณ์เรื่องการเสริมสร้างคนหนุ่มสาวให้ทำงานเพื่อสังคม
กระบวนการทำงานมอส.
ได้ดำเนินการโครงการฯ มาถึงรุ่นที่ 12 (ปี พ.ศ. 2561) โดยในรุ่นที่ 8-12 มอส.เปิดโอกาสให้คนที่ไม่จบกฎหมายเข้ามาร่วมกับกระบวนการด้วยจึงได้ปรับชื่อเป็น “โครงการอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน” ในแต่ละปี จะมีกระบวนการทำงาน ดังนี้
- การประสานงานกับองค์กรภาคี ในการเป็นพื้นที่เรียนรู้และปฏิบัติงานของอาสาสมัคร
- กระบวนการคัดเลือกอาสาสมัคร โดยมีการประชาสัมพันธ์ และขั้นตอนการคัดเลือก
- กระบวนการฝึกอบรม-สัมมนา จำนวน ๔ ครั้ง เป็นการฝึกอบรม-สัมมนาก่อนเริ่มปฏิบัติงาน ระหว่างการปฏิบัติงาน ๒ ครั้ง และ ครบวาระการปฏิบัติงาน ๑ ปี
- กระบวนการติดตาม องค์กร และอาสาสมัครระหว่างการปฏิบัติงาน โดยกระบวนการในรายละเอียดจะกล่าวในบทต่อไป
ท่านใดอยากร่วมงานกับเราด้วยการเป็นอาสาสมัคร หรือองค์กรใดอยากรับอาสาสมัครเข้าไปร่วมงาน โปรดอ่านบทความนี้ นี่เป็นงานเขียนชิ้นหนึ่ง (ตอนที่ 2 มีทั้งหมด 5 ตอน) ที่มอส.พยายามรวบรวมองค์ความรู้ในการทำงาน ด้วยหวังมันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจอยากอ่านอยากศึกษาและนำบทเรียนดังกล่าว ไปใช้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย ด้วยการแบ่งข้อเขียนขนาดยาวนี้ออกเป็น 5 ตอนเพื่อความสะดวกในการอ่าน และเพื่อประสิทธิผลในการรับบทเรียนโปรดติดตามอ่านจนจบ”
โดย กรรณิกา ควรขจร มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.)
ดำเนินการตั้งแต่ปี 2549 ตอนนี้กำลัง รับสมัครรุ่นที่ 13 เปิดรับสมัครถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 Click -> ดาวน์โหลดใบสมัคร กรอกใบสมัครให้ครบถ้วนและส่งกลับมาที่ admin@thaivolunteer.orgบทที่ ๒ การสร้างความร่วมมือกับองค์กรภาคี
องค์กรภาคีหลัก หมายถึง องค์กรที่รับอาสาสมัครเข้าไปปฏิบัติงาน ๑ ปี องค์กรภาคีที่เกี่ยวข้อง หมายถึงองค์กรอื่นๆที่เข้ามาสนับสนุนการเรียนรู้ การทำงานของอาสาสมัคร ได้แก่ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน หรือ งานพัฒนาสังคม ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา เป็นต้น
การสร้างความร่วมมือกับองค์กรภาคีหลัก คือการประสานสร้างความเข้าใจในเป้าหมายของโครงการ และสร้างความร่วมมือกับองค์กรที่ต้องการรับอาสาสมัครไปปฏิบัติงานในองค์กรจนครบวาระ ๑ ปี ได้แก่การเข้ามาร่วมในการคัดเลือกอาสาสมัคร การมอบหมายและจัดการเรียนรู้ให้อาสาสมัครเมื่ออยู่ในองค์กร ตลอดจนร่วมปรึกษาหารือ ร่วมกันจัดการเรียนรู้ ประเมินผลการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร กับเจ้าหน้าที่ของ มอส.
คุณสมบัติขององค์กรที่รับอาสาสมัคร
๑. เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มีเป้าหมายร่วมในการทำงานเพื่อสร้างความเป็นธรรมและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
๒. มีความพร้อมที่จะให้อาสาสมัครทำงานครบ ๑ ปี เช่น มีแผนงาน และงบประมาณเพียงพอ
๓. มีพี่เลี้ยงในการมอบหมายงานและติดตามการทำงานของอาสาสมัคร
๔. มีงบประมาณสมทบในการแบ่งจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนให้อาสาสมัครประมาณ ๘๐ ถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ของค่าตอบแทน หลักเกณฑ์นี้มีความยืดหยุ่นตามความจำเป็นของงาน และความพร้อม ขององค์กร
[divider scroll_text=”SCROLL_TEXT”]
การพิจารณาองค์กรที่จะรับอาสาสมัคร
๑. วิเคราะห์ภาพรวมความต้องการอาสาสมัคร และความพร้อมของ มอส.
ในแต่ละปี มอส.จะวิเคราะห์ว่าในปีนั้นมีประเด็นสิทธิอะไรบ้างที่มีความมีความเร่งด่วนในการแก้ปัญหา และต้องการกำลังคน รวมถึงการวิเคราะห์องค์กรที่เคยรับอาสาสมัครว่ามีความเหมาะสมในการเป็นพื้นที่การเรียนรู้หรือไม่ มีองค์กรด้านใดที่ไม่เคยรับอาสาสมัครและควรส่งอาสาสมัครไป เพื่อให้กลุ่มอาสาสมัครในรุ่นนั้นมีความหลากหลายในประเด็นการทำงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้ในช่วงวาระของอาสาสมัคร รวมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายให้กับอาสาสมัครด้วย ประเด็นวิเคราะห์ร่วมอีกเรื่องหนึ่งความพร้อมของ มอส.เองได้ด้านงบประมาณว่าในแต่ละปี มอส.จะรับอาสาสมัครได้กี่คน สอคล้องกับกำลังทีมเจ้าหน้าที่ หรือไม่ อย่างไร
๒. แจ้งข่าวสาร สร้างความเข้าใจไปยังองค์กร
มอส.จะแจ้งข่าวสารการรับอาสาสมัครไปยังองค์กรต่างๆ โดย การส่งจดหมาย การเข้าพบพูดคุย การประสานทางโทรศัพท์ และสร้างความเข้าใจในเป้าหมายของโครงการฯและบทบาทขององค์กรในการรับอาสาสมัคร โดยมีทั้งเอกสารแนะนำ และแบบฟอร์มให้ตอบกลับถ้าประสงค์จะรับอาสาสมัคร
๓. องค์กรตอบคำถามในแบบฟอร์ม
เนื้อหาแบบฟอร์มนั้นเกี่ยวกับการแนะนำองค์กร และโครงการที่ต้องการอาสาสมัคร วัตถุประสงค์ งานที่จะให้อาสาสมัครทำ พื้นที่การทำงาน คุณสมบัติอาสาสมัครที่ต้องการ ระบบการดูแล และความสามารถในร่วมจ่ายค่ายังชีพให้อาสาสมัคร ข้อมูลเหล่านี้ มอส.จะนำมาทำสรุปสาระสำคัญชี้แจงให้กับผู้สมัครด้วย องค์กรจะต้องส่งแบบฟอร์มตอบกลับภายในระยะเวลาที่กำหนด
๔. การพิจารณาเลือกองค์กรที่จะรับอาสาสมัคร
มอส.จะร่วมกันพิจารณาองค์กรที่ต้องการอาสาสมัครทั้งหมดว่าตรงตามคุณสมบัติหรือไม่ โดยเฉพาะองค์กรที่ไม่เคยรับอาสาสมัคร มีความหลากหลายในประเด็นที่วิเคราะห์ไว้เบื้องต้นหรือไม่ สามารถร่วมจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร ซึ่งหลังจากนี้ อาจจะมีการไปหาข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นที่ไม่ชัด หรือต้องตามไปชี้แจงเป้าหมาย ลักษณะของโครงการกับบางองค์กร หรือการไปเจรจาต่อรองในเรื่องการแบ่งจ่ายค่าตอบแทน หรือต้องไปหาองค์กรเพิ่มเติมเมื่อพบว่าองค์กรที่ขอรับยังน้อยไป ฯลฯ ในขั้นตอนนี้อาจต้องใช้เวลานาน และทีมต้องมีประชุมกันเป็นระยะๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ลงตัวว่าองค์กรต่างๆที่ขอรับอาสาสมัครมาจะเหมาะสมกับการรับอาสาสมัครไปปฏิบัติงานหรือไม่
๕. การแจ้งผลการพิจารณาไปยังองค์กรต่างๆ
มอส.จะแจ้งผลไปยังองค์กร และแจ้งกำหนดการต่างๆ ได้แก่การมาชี้แจงโครงการให้กับผู้สมัคร การสัมภาษณ์ อาสาสมัคร การประชุมร่วมขององค์กรที่รับอาสาสมัครเพื่อสร้างความเข้าใจ ในกระบวนการเรียนรู้ของ มอส. ข้อตกลง และความร่วมมือในการพัฒนาอาสาสมัคร
นอกจากนี้ มอส. จะพิจารณารับ “อาสาสมัครสมทบ” จากองค์กรด้านสิทธิที่ต้องการส่งเจ้าหน้าที่ในองค์กรที่เป็นคนวัยตามเกณฑ์ของอาสาสมัคร เข้ามาร่วมกระบวนการเรียนรู้ ๑ ปีกับอาสาสมัครด้วย รุ่นละไม่เกิน ๕ คน ผู้ที่องค์กรส่งมาต้องมีความตั้งใจ สนใจเรียนรู้ และเขียนใบสมัคร ส่งมาให้ มอส.ด้วย
ดำเนินการตั้งแต่ปี 2549 ตอนนี้กำลัง รับสมัครรุ่นที่ 13 เปิดรับสมัครถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 Click -> ดาวน์โหลดใบสมัคร กรอกใบสมัครให้ครบถ้วนและส่งกลับมาที่ admin@thaivolunteer.orgบทที่ 3 กระบวนการคัดเลือกอาสาสมัคร
การคัดเลือกผู้ที่สนใจมาเป็นอาสาสมัครนับว่ามีความสำคัญยิ่ง เพื่อให้ได้ผู้ที่เหมาะสม และมีความพร้อมที่สุด มอส.จึงได้กำหนดคุณสมบัติพื้นฐาน และจัดกระบวนการคัดเล