กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง-ผู้ป่วยติดเตียงเป็นอีกกลุ่มคนที่เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเปราะบางของสังคม ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันแบบนี้ จากที่อยู่ในสถานะที่ลำบากอยู่แล้วก็ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเราจึงเชื่อว่าในสถานการณ์แบบนี้สิ่งที่สังคมเราต้องการคือคนที่พร้อมจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานอาสาสมัคร ตามจังหวะเวลา ตามโอกาสและความสะดวก พร้อมที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งพลังพลเมืองอาสา ที่จะช่วยหยิบยื่นและแบ่งปันโอกาส แบ่งปันน้ำใจให้กันและกันเพื่อที่เราจะได้ผ่านมันไปด้วยกัน

หากใครเคยเข้าร่วมหรือติดตามเรื่องเล่า-ภารกิจของ “พลเมืองอาสา” คงพอจำกันได้ว่าแทบทุกเสาร์-อาทิตย์ เราจะมีกิจกรรมดีๆ มาคอยเสิร์ฟให้ผู้ที่อยากทำงานอาสาแต่มีเวลาไม่มาก อาจจะแค่ครึ่งวัน หนึ่งวัน สองวัน หรือมากกว่านั้นก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามความชอบ ความถนัดและตามที่แต่ละคนสะดวกจะเข้าร่วมได้ โครงการพลเมืองอาสา เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปในสังคมที่มีจิตใจต้องการช่วยเหลือสังคม ให้ได้ใช้เวลาช่วงสั้นๆ มาทำกิจกรรมอาสาสมัคร โดยมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม(มอส.) จะมีบทบาทในการประสานพื้นที่ และกิจกรรม เพื่อให้อาสาสมัครที่มีใจอยากทำงาน “อาสาสมัครเพื่อสังคม” สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ แบ่งปัน และช่วยเหลือสังคมได้

“พลเมืองอาสา” เปิดโอกาสให้อาสาสมัครได้ทำกิจกรรมอาสาสมัครที่หลากหลายกิจกรรม รูปแบบ เช่น กิจกรรมที่จัดขึ้นมาเพื่อกลุ่มด้อยโอกาส กิจกรรมส่งเสริมงานพัฒนา กิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และชุมชน เช่น อาสาปลาใจดี จิตอาสาแต่งโอ่งจิ๋วน้ำใจช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด อาสาสร้างสื่อการเรียนรู้ อาสาสมัครผลิตดินกระดาษรีไซเคิล อาสาหมอนหนุนอุ่นรัก อาสามาฆะบูชา-แบ่งปันยาและเวชภัณฑ์ อาสาสมัครตุ๊กตาหุ่นมือ ครูอาสาบนดอย ปรับภูมิทัศน์ให้สถานสงเคราะห์เด็ก กิจกรรมฟื้นฟูป่าชายเลน กิจกรรมสืบสานภูมิปัญญา และกิจกรรมอื่นๆ ที่ปรับตามสถานการณ์ ณ ขณะนั้น

ผู้ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากสิ่งที่ “พลเมืองอาสา” ทุกคนได้ร่วมกันสร้างสรรค์ คือคนหลากหลายกลุ่มทั่วประเทศ เช่น ผู้ได้รับผลกระทบจากภัยโควิดทุกภูมิภาค เด็กอ่อน ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยติดเตียง เด็กกำพร้า ผู้ประสบภัยพิบัติ กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โรงเรียนในพื้นที่ทุรกันดาร ชุมชนแออัด คนไร้บ้าน ฯลฯ

วันนี้คืออีกในหลายๆวันที่เราได้นำของใช้อาหารและของใช้จำเป็นบางส่วนที่ต่อยอดจากกิจกรรมที่พลเมืองอาสาทุกคนได้เข้าร่วมสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมต่างๆ ตามที่กล่าวมามามอบให้กับกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง “ชาวชุมชนคลอง 9” ย่านมีนบุรี กรุงเทพฯ เราแวะบ้านคุณตาท่านหนึ่งซึ่งพื้นเพเป็นคนจังหวัดเพชรบูรณ์ แกบอกว่า “มาอาศัยอยู่ที่นี่นานมากแล้วจนจำไม่ได้ มาอยู่ที่นี่พร้อมกับคุณยายซึ่งตอนนั้นคุณยายยังเดินเหินได้ปกติ แต่ตอนนี้กลายมาเป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตัวเองไม่ได้ทำงานหรอก แต่ลูกหนะทำงานอยู่” คุณตาคือเสาหลักของบ้านที่ต้องดูแลทั้งภรรยาซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงและต้องเลี้ยงหลานอีกด้วย  คุณตาบอกกับเราว่า “จริงๆแล้วก็อยากกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดนะ แต่สถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ไม่ขอกลับดีกว่า”

สิ่งที่พวกเราตั้งคำถามต่อคือ ทำไม่คุณยายท่านนี้ต้องได้นอนรอการหยิบยื่นโอกาสการช่วยเหลือจากคนอื่น ทำไมสวัสดิการจากรัฐมันเข้าไม่ถึง หากนโยบายมันดีจริง หากการปฏิบัติใช้นโยบายมันดีจริง คุณยายท่านนี้คงไม่ต้องมานอนรอรับสวัสดิการจากรัฐอย่างไม่รู้อนาคตว่าจะได้รับหรือไม่ การลงพื้นที่คลอง 9 ของพวกเราวันนี้ แค่อยากจะเล่าให้ฟังว่า แม้วันนี้สวัสดิการจากรัฐจะกระจายได้ไม่ทั่วถึง แต่เราเชื่อว่าอย่างน้อยพลังพลเมืองอาสาอย่างพวกเรา จะเป็นพลังที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อร่วมกันแบ่งปันน้ำใจ หยิบยื่นโอกาสให้แก่กันและกัน ต้องขอขอบคุณกับการสละเวลาแบ่งปันแม้เพียงสั้นๆ ขอบคุณข้าวของบริจาคในยามที่เราต้องการการระดม ขอบคุณพลังพลเมืองอาสาทุกคนจริงๆ

เรื่องโดย มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม และเครือข่ายฯ

ค้นหาโครงการที่เหมาะกับฉัน
thThai