เรื่อง-ภาพ : มะรอซาลี คาร์เดร์ – อาสาสมัครนักสิทธิ์ รุ่น 14 / SDF
ในสถานการณ์ที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด ในพื้นที่ห่างไกลชายขอบดชนชายแดนกัมพูชาอย่างจังหวัดตราดตอนนี้แม้ไม่ถือว่าอยู่ในขั้นความรุนแรงมาก แต่ในพื้นที่บ้านสองห้องและระแวกตำบลแหลมกลัด (อำเภอเมือง จังหวัดตราด) ผู้คนดูเงียบลงกว่าช่วงสถานการณ์ปกติ ถนนโล่งให้ความรู้สึกวังเวงอย่างบอกไม่ถูก หาดลานทรายถูกปิดตัวลงชั่วคราว แต่วิถีชีวิตของคนหาปลากับลำน้ำ กับทะเลแหลมกลัดก็ยังคงดำเนินต่อไป
วิถีของชาวประมงพื้นบ้านที่แม้จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก ทำประมงแบบอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งไปด้วยเพื่อเป็นหลักประกันว่าทุกครัวเรือนจะต้องไม่ขาดอาหารบริโภคและทุกครอบครัวต้องมีความมั่นคงทางอาหารทั้งในวันนี้และอนาคต
การเกิดขึ้นของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้มีความสมดุลเกิดขึ้นเพราะว่า คนซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหลักด้วยซ้ำทำให้ธรรมชาติเสียสมดุลไป และกลุ่มหลักหลักที่ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุลไปก็คือกลุ่มคนที่ทำมาหากินด้วยเรือรุน ซึ่งเป็นเรือประเภทที่ใช้เครื่องมือทำลายล้างทรัพยากร การทำลายล้างเริ่มจากการเริ่มนำเรือเข้ามารุนในคลองประทุนในช่วงเวลาพลบค่ำติดต่อกันหลายวันแล้ว เป็นไปได้ว่าคนจับปลาด้วยเรือรุนเหล่านี้เขาอาจไม่สนใจว่าการทำประมงด้วยวิธีการนี้มันคือการทำลายล้างอย่างไร หลายชีวิตที่ต้องดิ้นรนท่ามกลางทรัพยากรที่จำกัดและถูกทำลายลงไปพร้อมๆกัน นั่นหมายถึงมีแนวโน้มว่าอีกหลายครัวเรือนจะขาดอาหารและรายได้ในอนาคตเมื่อทรัพยากรไม่ถูกจัดการอย่างถูกวิธี สัตว์น้ำที่เคยจับได้จำพวก กุ้ง หอย ปู ปลา และพืชบางชนิดที่สามารถนำมาแปรรูปให้เกิดมูลค่าสร้างรายได้เข้าครัว เช่น ต้นจาก จะต้องไม่หลงเหลือให้นำมาทำประโยชน์ได้อีกต่อไป
ป้าสำราญ อายุ 60 กว่าปี ผมหงอกขาวออกแดงกำลังคัดเลือก ตัดและมัดใบจากอ่อน เพื่อคลี่ใบออกแล้วตากแดดให้แห้งอีก 1-2 วัน เข้ากระบวนการลอกและตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ บรรจุถุงขายถุงละ 5 บาท เป็นงานหารายได้ที่ทำมานานกว่า 10 ปี หลังจากแก่ตัวลงแกมีรายได้จากอาชีพตัดแต่งใบจากขายวันละ 200 บาท ทุกครั้งที่พบเจอ มือป้าสำราญไม่เคยว่างจากใบจากเลย
ผลิตภัณฑ์ที่ป้าสำราญได้จากใบจากมีสองชนิด คือ ใบจากสำหรับม้วนกับยาเส้นสูบของนักเลงควัน กับหมวกสานแฮนด์เมดปีกกว้างสำหรับคนทำมาหากินกลางแดด หมวกนี้เป็นที่ยอมรับกันของชาวประมง ชาวไร่ชาวสวน เพราะใช้ดีและใช้ทนกันมาแต่อดีต ป้าสำราญแกขายใบละ 120 บาท
ป้าสำราญเล่าว่า เมื่อในอดีตนั้นใบจากนั้นจะมีเจ้าของ แต่พอมีการประกาศเป็นป่าเศรฐกิจชุมชนจึงไม่มีใครเป็นเจ้าของทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้ เมื่อผู้คนเริ่มใช้ประโยชน์จากใบจากสูงขึ้น ใบจากที่เคยหาได้ง่ายๆ ก็เริ่มหายาก ส่วนหนึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากการเปิดพื้นที่ให้คนต่างถิ่น เช่น จากย่านคลองใหญ่ เข้ามาตัดไปทำผลิตภัณฑ์ขายเช่นกัน
ป้าสำราญคือบุคคลหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากทรัพยากรในคลองประทุน แม้แกจะบอกว่าแกไม่ได้ย่ำเดินไปที่คลองประทุนมา 10 กว่าปีแล้วก็ตาม แต่รุ่นลูก(ลูกเขย)ของป้าสำราญก็เป็นรุ่นที่เข้ามาต่อยอดการใช้ประโยชน์และทำมาหากินในพื้นที่ และลูกเขยแกจะเป็นผู้ทำหน้าที่ไปตัดยอดต้นจากมาให้แกแปรรูปเฉลี่ย 5-7 วันตัดครั้งหนึ่ง ตัดมาครั้งละ 50-70 ยอด แปรรูปวันละ 10 ยอด ตามแต่ขนาดเล็กหรือใหญ่อีกที
การเข้าถึงทรัพยากรเป็นสิทธิของทุกคนทุกเพศทุกวัยอย่างเท่าเทียม และการดูแลการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนนั้นเพื่อใช้ประโยชน์ได้ตลอดไปก็เป็นสิทธิและหน้าที่ของทุกคนเช่นกัน ทุกชีวิตต้องอาศัยฐานทรัพยากร ดังนั้นอำนาจและหน้าที่ในการบริหารจัดการควรเป็นของชุมชนท้องถิ่นอย่างเต็มที่
……
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนอย่างร้ายกาจ ผู้คนและชุมชนก็ยังคงต้องดิ้นรนกันต่อไป