วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นวันกำหนดพระราชทานเพลิงศพคุณหญิงอัมพร มีศุข กรรมการและเจ้าหน้าที่ มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) ขอรำลึกถึงท่านด้วยความเคารพ และอาลัยยิ่ง
คุณหญิงอัมพร มีศุข ท่านเป็น ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคมในระดับประเทศ ทั้งภาครัฐ และ องค์กรพัฒนาเอกชนในด้านต่างๆ ได้แก่ การศึกษา การสื่อสาร จิตวิทยา สิทธิมนุษยชน
ท่านเป็นผู้หญิงคนแรกที่จบปริญญาเอก เป็นอธิบดีหญิงคนแรก เป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนชุดแรก เมื่อท่านมีอายุ ๘๐ กว่าปี แล้ว ท่านเป็นแบบอย่างของคนทำงานเพื่อสังคมตลอดชีพอย่างแท้จริง ทำด้วยความรัก ความเบิกบาน สุขภาพจิตดีเยี่ยม ทั้งที่งานต่างๆจะมีเคร่งเครียด ยุ่งยากซับซ้อน แม้อายุท่านจะขึ้นเลข ๙ นำหน้าแต่ท่านก็ยังทำงาน หัวใจที่ระลึกถึงงานและสังคมมีเต็มเปี่ยมในทุกขณะ
คุณหญิงอัมพร มีศุข ท่านเป็นที่รัก ที่เคารพ และมอบความเป็นกันเองแก่คนที่ท่านรู้จัก คุ้นเคย ท่านมักเรียกตัวเองว่า “ป้า” และเล่าเรื่องราวต่างๆ ประสบการณ์ทางสังคม อย่างสนุกสนานในทุกคราว ที่กรรมการและ เจ้าหน้าที่ มอส. ไปพบท่านในโอกาสต่างๆ ต่อเนื่องกันมา เป็นเวลาราว ๓๔ ปี นับตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ ซึ่งโครงการอาสาสมัครเพื่อสังคม (คอส.) ก่อตั้งขึ้น ท่านเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งท่านหนึ่งที่ทำให้ คอส.เป็นรูปเป็นร่าง เป็นองค์กรที่มีภารกิจเสริมสร้างคนหนุ่มสาวให้เป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม และสืบต่อเป็นนักพัฒนาสังคมจนถึงทุกวันนี้ ท่านรับบทบาทเป็นประธานโครงการ และเป็นประธานมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม(มอส.) ในปี ๒๕๒๙ จนถึงปี ๒๕๔๙ ท่านขอลาออกจากตำแหน่งประธาน มอส.จึงเรียนเชิญท่านให้เป็นที่ปรึกษาตลอดชีพ
มอส.จะมีอายุ ๓๕ ปีในปี๒๕๕๘ นี้ กว่า ๓๔ ปี ที่ท่านให้การสนับสนุนทั้งความคิด การมาร่วมกิจกรรม ตลอดจนบริจาคทุนทรัพย์ให้กับ มอส.เป็นครั้งคราวนั้น ทำให้เราทำหน้าที่ของเราได้อย่างเต็มภาคภูมิ เมื่อเริ่ม คอส.ใหม่ๆ ได้ฟังเรื่องราวจากท่านว่า อาสาสมัครรุ่นแรกๆ ที่ไปทำงานชนบทในยุคนั้นจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ท่านเองต้องไปพบกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รับรองว่า เป็นอาสาสมัครเพื่อสังคมไม่ใช่ คอมมิวนิสต์ ปัญหาก็ผ่านไปได้ด้วยดี อาสาสมัครสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ
ในแต่ละปีท่านดำเนินการประชุมสามัญประจำปี มอส.ในฐานะประธาน ท่านมีความสามารถดำเนินการประชุมได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เคร่งเครียด มีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ ท่านให้กำลังใจในการทำงานของ เจ้าหน้าที่เสมอ เรื่องใดที่ต้องติดตาม ดูแลแป็นพิเศษ ท่านก็มอบหมายให้มีคณะทำงานติดตามในแต่ละเรื่องจนลุล่วงไป
ท่านชอบไปลงพื้นที่ ไปพบกับชาวบ้านในทุกงานที่ท่านรับผิดชอบ เมื่อครั้งท่านเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน มีหลายประเด็นที่อาสาสมัครมอส.ลงไปปฏิบัติงานแล้วพบกับปัญหาการละเมิดสิทธิ มนุษยชน ก็มักจะไปหาท่าน ท่านรับทุกเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน และลงไปดูในพื้นที่ด้วยตนเอง ซึ่งในช่วงนั้นท่านอายุของท่านก็ ๘๐ กว่าแล้ว ท่านมักจะบอกเราว่ามีหลายคนมาทักทายว่าเป็นอาสาสมัคร มอส. รุ่นนั้น รุ่นนี้ ท่านจำได้ไม่ทั้งหมดแต่ท่านก็ดีใจมากที่มีอาสาสมัครมาทักทาย
มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านประสบอุบัติเหตุ ล้มในลิฟท์ หน้าคะมำไปชนอะไรบางอย่างตรงจมูกอย่างจัง เลือดไหลมาก คนที่อยู่กับท่านตกใจรีบพาท่านไปโรงพยาบาล ท่านต้องพักรักษาตัวอยู่พอสมควร จึงกลับมาทำงานได้ ท่านเล่าให้เราฟังอย่างตลกขบขัน เห็นเป็นเรื่องเล็กๆ ในทุกครั้งที่มีการสนทนากับท่าน แม้จะมีเรื่องเล่าที่สนุก แต่ในที่สุดท่านจะแสดงความห่วงใยต่อสังคม สถานการณ์บ้านเมืองเสมอ และบอกว่าเราต้องช่วยกัน
เมื่อครบวาระของการเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ท่านก็กลับมาช่วยงานมูลนิธิการศึกษาตลอดชีวิต เมื่อถึงคราวท่านเจ็บป่วย สื่อสารกับเราด้วยสายตาและการเขียน ท่านก็ยังให้เราเล่าเรื่องงานให้ท่านฟัง และมักจะยกนิ้วให้เราพร้อมยิ้มให้กำลังใจเสมอ แม้ร่างกายจะเจ็บป่วยตามสังขารแต่จิตที่เป็นมหากุศลยังทำหน้าที่อย่างเหนียว แน่น จนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตนี้ ขอให้บุญบารมีที่ได้สั่งสมนำท่านไปยังสุคติภูมิ
ชาวมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคมขอคารวาลัย แด่ “คุณป้า” อาจารย์คุณหญิงอัมพร มีศุข ด้วยความรักอย่างยิ่ง และจะน้อมนำคุณความดีของท่านมาเป็นสติ เตือนใจให้ระลึกรู้ต่อหน้าที่ที่มีต่อสังคมอยู่เสมอ