ระหว่างทริปดูงานประเทศเพื่อนบ้านของคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมรุ่น 2 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 มิถุนายน 2558 ภายใต้โครงการคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม หลักสูตร 5 ของมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม(มอส.) ในเช้าวันก่อนกลับเมืองไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการสรุปบทเรียน คณะคนรุ่นใหม่ฯ ได้มีโอกาสเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเสียมเรียบที่ศาลพระองค์เจ็กกับพระองค์จอม (Preah Ang Chek Preah Ang Chorm Shrine) ได้เห็นวิถีของคนเสียมเรียบที่ยังยึดมั่นในความเชื่อและประเพณีทางพุทธศาสนา ก่อนจะมีโอกาสได้รู้จักองค์กรเมตตากรุณา และได้พูดคุยกับป้าซีวอน หญิงแกร่งผู้เป็นสัญลักษณ์ของการเดินธรรมยาตราต่อไป

METTA KARUNA Reflection Centre

คณะคนรุ่นใหม่ขอใช้ห้องประชุมขององค์กรเมตตากรุณาในการพูดคุยกับป้าซีวอน ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับองค์กรนี้ด้วย เมตตากรุณาบริหารโดยชาวต่างประเทศที่เป็นคริสต์ แต่องค์กรมีวิสัยทัศน์และการทำงานที่เห็นว่าทุกศาสนาล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน ล้วนนำไปสู่สันติภาพ พื้นที่ในองค์กรจึงเป็นที่ๆ คนทุกศาสนาสามารถเข้ามาใช้ มาภาวนา มาเรียนรู้ได้ โดยมีงานปฏิมากรรมที่สะท้อนถึงศรัทธาและความเชื่อของแต่ละศาสนาผสมผสานกันอยู่

นอกจากนี้ ทางศูนย์เมตตากรุณา ยังเปิดให้คนพิการเข้ามาทำงานได้ และมีโครงการผลิตรถเข็นและสอนอาชีพให้กับคนพิการในหลายพื้นที่ด้วย

ภายหลังได้พูดคุยกับป้าซีวอน (Bong Syvon) 1 ใน สตรีสันติภาพ 1,000 คน แห่งเอเชีย ผู้เป็นสัญลักษณ์ของการเดินธรรมยาตราเพื่อสันติภาพในกัมพูชา หลังจากสมเด็จมหาโฆษนันทะ พระมหาเถระผู้น่าเลื่อมใสได้จากไป หลังจากได้สร้างแรงบันดาลใจและนำแนวทางนี้มาใช้เพื่อฟื้นฟูจิตใจของชาวกัมพูชาหลังสงครามกลางเมืองสงบ ซึ่งการรับฟังเรื่องราวในชีวิตของป้าซีวอนก็ทำให้คนรุ่นใหม่หลายคนถึงกับซับน้ำตาทีเดียว

ป้าซีวอน นักเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพ

ป้าซีวอนเคยทำงานเป็นอาสาสมัครในการเดินธรรมยาตราด้วยแนวทางของมรรค 8 คือ หาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คือเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วทำยังไงที่จะแก้ไขความทุกข์

ท้าวความสมัยเขมรแดง

ตอนแรกอยู่เสียมเรียม อยู่ในวัดเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นจุดที่จะไม่ทิ้งระเบิดลงมา บ้านจริงอยู่บริเวณพระตำหนัก ตรงวัง บริเวณใต้ดินไม่ใช่พื้นดิน เวลาเรียนหนังสือ กินข้าว ตกกลางคืนจะมีทหารเวียดกงมาฆ่าตัดคอ เคยได้ยินยามเคยโดนฆ่าตัดคอจากทหารเวียดกง บริเวณโรงพยาบาลเด็ก ซึ่งแต่เดิมเป็นป่า เป็นทุ่งสังหารมีศพฝั่งประมาณ 10,000 คน เมื่อปี 1974-1975 สมัยเด็กๆ เป็นชาวนา ช่วยพ่อแม่เกี่ยวข้าว พอเขมรแดงยึดอำนาจได้ เราคิดว่าเป็นอิสระจากอเมริกาและเกิดสันติภาพในประเทศแล้ว ในเมืองพนมเปญมีการเฉลิมฉลอง 7 วัน 7 คืนมีรำวงตลอด มีคนใส่สร้อยคอทองคำเจริญหูเจริญตามาก พอเขาเรียกมาประชุมกัน และบอกเราว่าเดี๋ยวจะพาไปเที่ยวแต่ไม่ต้องเอาอะไรไปนะ เขาบอกว่าในพนมเปญยังมีความเสี่ยงที่จะถูกทิ้งระเบิด ให้ออกนอกเมืองก่อน หากบ้านเมืองสงบค่อยกลับมา

อยู่ในค่ายเขมรแดง

หลังจากนั้นเขาพาไปอยู่ในทุ่งนา สะพายกระเป่าไปมีเสื้อผ้าไม่กี่ชุด ไปถึงที่นาแห่งหนึ่งไปขอข้าวสารเขาก็ไม่ให้ พอไม่มีอะไรกินพี่ชายว่ายน้ำมา ทหารก็จับ ทหารถามว่ามีความรู้อะไร ก็บอกมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก เลยจับไปคุมเครื่องโรงสีข้าวจุนเจือทหารเขมรแดง แม่บอกกับพี่ชาย บอกหนีไปซะ ปี 1976 ไปอยู่ที่เปยมวน ป่าแห่งหนึ่ง เราช่วยทำอ่างเก็บน้ำ เจอกับเจ้าสีหนุ พลพต เขียวสัมพัน เจ้าสีหนุพูดในเครื่องกระจายเสียงว่าต่อไปเราจะมี “เงิน วัด ตลาด” คนเชื่อกัน แต่พอมีคนซุบซิบกันก็โดนจับไปฆ่า ต่อมามีคนประกาศถามว่า ใครอยากไปพบเจ้าสีหนุให้ขึ้นรถมาแต่ไม่รู้ไปที่ไหน ที่ตนไม่ไปเพราะไม่มีผ้านุ่งสวยๆ

มีครั้งหนึ่งทหารถามป้าชีวอนว่ามีเงินไหม พอเขารู้ว่ามีตังค์ก็พาเราไปที่ไหนไม่รู้ ตอนนั้นอายุ15 เห็นทหารมานอนกับผู้หญิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีทหารมานอนใต้เตียงสูบบุหรี่ แม่ก็เจอเช่นกัน ทหารชอบถามว่าเป็นสายลับหรือเปล่า ป้าชีวอนตอบ ไม่รู้ ทหารบอกว่าไม่รู้ตลอดไม่ได้น่ะ เจ็ดวันให้หลังต้องรู้ ป้าซีวอนเคยไปนอนใต้เตียงเพราะกลัวคนมานอน เคยครั้งหนึ่งนอนบนเตียงมองไปบนเพดานเห็นคนมาแอบทำเสียงเป็นตุ๊กแก

หนีตาย…

มีทหารบอกว่าจะพาไปบ้านเกิดนึกว่าจะได้กลับมาเสียมเรียบ พอมาถึงรถบรรทุกเจอแม่กับน้อง มีคนบอกว่า พวกสายลับ ซีไอเอของลอนนอนต้องตายให้หมดเลย บนพื้นรถมีคาบเลือดเต็มไปหมด ตอนนั้นป้าซีวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ยางแตกสองครั้ง แม่มาสะกิดให้รีบหนี เข้าไปหลบเอาฟางปิด เขาก็มีเจอ ตีสี่มีคนมาแจกของ แม่กับน้องสาวหนีมาได้ก่อน 11 โมง ไม่รู้ว่าจะไปไหน เจอน้องสาว หาแม่ไม่เจอ สักพักทหารมาเจอตัว ทหารเอาปืนมาจ่อมีทหารอีกคนขี่มอเตอร์ไซด์บอกทหารที่กำลังเอาปืนจ่อหัวว่าเมียจะคลอดลูก ตนเลยรอดชีวิตมา ตอนปลายๆ ยุคเขมรแดงถูกจับตาสามวัน แม่เข้าคุก ตนทำนา โดนจับสองครั้ง ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเช่นนี้

ยุคหลังเขมรแดง

พี่ชายของป้าซีวอนไปเป็นทหารกับฝ่ายเวียดนาม แม้กระทั่งพี่ชายของตนก็เหมือนคนกระหายสงครามตลอดเวลา จะคอยบอกว่าวันนี้ไปฆ่าทหารเขมรแดงมาเท่าไหร่อยู่ทุกวันซึ่งป้าชีวอนไม่ชอบ ป้าไปลอบบี้น้องสาวให้บอกทางเวียดนามให้พี่ชายหยุดเป็นทหาร พอพี่ชายเลิกเป็นทหาร ป้าก็มาขายผัก

จุดเริ่มต้นของธรรมยาตรา

วันหนึ่ง ได้ยินคนร่ำลือเรื่องธรรมยาตรา ว่าพระโฆษนันทะจะมา ป้าก็โมโห ว่าตอนประเทศมีปัญหาไม่เห็นมาเลย พอจบแล้วจึงโผล่มา จะมาช่วยอะไร พอเจอกัน สิ่งแรกที่พระมหาโฆษนันทะพูดคือ

พระ – ขอให้สงบจิตสงบใจ ละอุปาทานเลิกโกรธเคืองได้แล้ว

ป้า – จะให้ละอุปาทานอะไร ไม่รู้เรื่อง

พระ – ให้ปล่อยวางความรู้สึกที่ว่าฉันโดนกระทำจากสงคราม

ป้า -จะให้ลืมง่ายๆได้อย่างไร

พระ -งั้นขอให้รักษาศีลห้า

ป้า -ประเทศนี้คนฆ่ากันตายทุกวัน จะมาพูดอะไร

พระ -สงครามจะทำให้เกิดสันติภาพสำหรับคนแต่ละคนได้ สำคัญคือ เลิกคิดว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำหรือเป็นเหยื่อสงคราม ถ้าเรามัวแต่ยึดเรื่องนี้ ความทุกข์เราจะยิ่งใหญ่ขึ้นและไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ โยมโชคดีนะที่เจอเหตุการณ์แบบนี้

จากนั้นป้าซีวอนก็ไปร่วมเดินธรรมยาตรา ก็ได้ยินคนร้องขอ ช่วยด้วยๆ พ่อแม่พี่น้องถูกฆ่า ป้าก็ชี้

ป้า -เห็นไหมท่าน คนทุกข์

พระ -อาตมาไม่ได้เห็น โยมโชคดีที่ได้เห็น รู้แล้วๆ

ป้า – (โกรธพระ) รู้อะไรล่ะ จะให้รับรู้ไปทำไม

พระ -รับรู้เพื่อกำลังทำอยู่ นี่ไงทำอยู่ เดินอย่างรู้สึกตัวอยู่

ป้า – ก็งง เดินทำอะไร ไม่เห็นช่วยอะไร เดินๆไปก็หิว งงว่าทำไมพระไม่หิว หยุดกินข้าวกันก่อน

พระ – รอให้ถึงวัดก่อน เวลาที่เราหิวโหย ไม่มีพระที่ไหนมาช่วยเราหรอก เราต้องรู้จักบำบัดความหิวของเราเองก็เดินจากชายแดนถึงพนมเปญ

“พระบอกให้ปล่อยวางความแค้น ปล่อยวางว่าเป็นผู้ถูกกระทำจากสงคราม มันเยอะแล้วไม่ต้องไปรับอะไรเข้ามาอีก ไม่ต้องไปรับอะไรเข้ามาในจิตใจ ละ ถ้ายังวางไม่ได้ก็อย่าไปรับมาเพิ่ม อย่ามาซ้ำรอยแบบนี้อีก สันติภาพมันเกิดในสติ ถ้าหลุดไป เราก็จะรับความทุกข์ไว้

ช่วงถามตอบจากคนรุ่นใหม่

Q: ทำไมเด็กในชนบทถึงพร้อมที่จะทำสงครามได้ง่าย

ทำไมคนถึงเข้าไปเป็นทหาร เพราะว่าการทำสงคราม มีสนามรบ มีข้าวให้กิน มีเสื้อผ้า คนจึงไปเป็นทหาร

Q: ตอนนี้ป้าซีวอนยังเดินธรรมยาตราทุกปีใช่มั้ย

ใช่ ป้าใช้เวลา 25 ปีที่เดินธรรมยาตรา

Q: ป้าหาสันติภาพเจอหรือยัง

เจอแล้ว ตอนนักการเมืองทะเลาะกัน เราก็ไปทำงานกับเด็กว่าอย่าทะเลาะกัน มาช่วยกันปลูกต้นไม้ นี่แหละสันติภาพ

 

Q: คิดยังไงถึงเขียนจดหมายถึงกษัตริย์ นายก แล้วก็กระทรวงต่างๆ

ป้าเขียนจดหมายไปเพราะไม่อยากให้เขาวุ่นวายแค่เรื่องพรรคไหนคะแนนเยอะกว่าหรือชนะการเลือกตั้ง แต่อยากให้มาสนใจบ้างว่าเรื่องราวในชนบทเกิดอะไรขึ้นบ้าง ป้าซีวอนเขียนจดหมายหานายก กระทรวงต่างๆ และกษัตริย์ แจ้งว่าสันติภาพเกิดแล้วที่ชุมชนนี้ ชุมชนนี้ หมู่บ้านนี้  สิ่งที่ป้ารายงานไป บอกว่าถ้าเด็กป่วย เด็กรู้ว่าต้องไปที่ไหน เด็กรู้ว่าต้องดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ดูแลพ่อแม่ แล้วทางนายกก็เขียนจดหมายตอบกลับมาว่า รักษาสุขภาพด้วยนะ

Q: ตอนเดินธรรมยาตรามีคนร่วมเยอะมั้ย นัดหมายในการเจอกันอย่างไร

ภายหลังป้าชีวอนเขียนจดหมายเชิญชวนไปตามหน่วยการปกครองสงฆ์และก็มีคนเข้าร่วมธรรมยาตรา มีรถเสบียงใส่หนังสือ แผ่นพับให้ความรู้เรื่องการปลูกต้นไม้และการรักษาศีลห้า ต่อมาส่งเสริมการอนุรักษ์ ธรรมชาติ ปลูกต้นไม้เพื่อให้เลิกสนใจเรื่องทะเลาะกัน เป้าหมายสำคัญ 1.ไม่อยากให้คนก่อสงคราม 2. เวลาเดินธรรมยาตราเสร็จ ก็จะชวนไปปลูกต้นไม้ จริงๆ พื้นที่ที่เขาไปปลูกต้นไม้คือพื้นที่ที่บริษัทเอกชนต่างๆ กำลังจะมาซื้อที่หรือยึดที่ ถ้าเราบอกว่าเราจะไปต่อต้าน จะเกิดการทะเลาะวิวาทและนำไปสู่สงคราม นี่จึงเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสงคราม

หลังจบการแลกเปลี่ยนซักถาม ป้าซีวอนก็แจกหนังสือนิทานและแผ่นซีดี ก่อนจะถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกด้วยความประทับใจในประสบการณ์เรื่องเล่า การผ่านความทุกข์หนักจากสงครามและสร้างสันติภาพที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในใจได้ ป้าซีวอนจึงนับเป็นบุคคลต้นแบบที่มีคุณค่าต่อสังคม และน่ายกย่องอย่างแท้จริง

 

เรื่องโดย มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม และเครือข่ายฯ

Find the right project for me
en_USEnglish