ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มองค์กรที่ขับเคลื่อนงานด้านการคุ้มครองสิทธิความหลากหลายทางเพศ เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มประเด็นทางสังคมที่มีการทำงานอย่างเข้มแข็งในการเปิดประเด็นเพื่อชี้ให้สังคมเห็นถึงปัญหาในหลายมิติที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายต้องเผชิญรวมถึงการนำเสนอแนวทางการแก้ไข ขาดการสื่อสารสร้างความเข้าใจ และผลักดันอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อให้เกิดกฎหมาย นโยบายและมาตรการที่จะส่งผลให้สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวไทยซึ่งมีความแตกต่างทางเพศได้รับการปกป้องโดยเสมอภาคและเท่าเทียม
การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิด้านความหลากหลายทางเพศ มีความคึกคักอย่างมากในระดับสากลหลายประเทศมีการขับเคลื่อนในประเด็นต่างๆ เพื่อเพิ่มความคุ้มครองให้กับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในฐานะพลเมืองของประเทศอย่างเท่าเทียม ในส่วนของประเทศไทย สิทธิความหลากหลายทางเพศยังเป็นประเด็นที่ค่อนข้างใหม่ แม้จะมีความก้าวหน้าปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง สำหรับหน่วยงานที่มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน กล่าวได้ว่าเป็นประเด็นที่ยังขาดความเข้าใจและให้ความสำคัญอย่างที่ควร
ข้อมูลจากการรายงานวิจัย “การรังแกต่อกลุ่มนักเรียนที่เป็นหรือถูกมองว่าเป็นคนข้ามเพศหรือคนรักเพศเดียวกันในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา: รูปแบบ ความชุก ผลกระทบ แรงจูงใจ และมาตรการการป้องกันใน 5 จังหวัด” ความรุนแรงจากการหยอกล้อ กลั่นแกล้ง และรังแกกันในหมู่นักเรียนเป็นความรุนแรงจากโครงสร้างและวัฒนธรรมที่ปราศจากความเข้าใจหรือระดับของผู้มีอำนาจในสถานศึกษา หรือผู้มีอำนาจเหล่านั้นมีความเข้าใจในสภาวะเหล่านี้แตกต่างจากเยาวชนเพศหลากหลายที่ได้รับผลกระทบ
หรือแม้แต่ในกลไกหลักอย่างสภาเด็กและเยาวชน ซึ่งมีบทบาทในการสร้างพื้นที่เพื่อการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน หนึ่งในข้อบัญญัติว่าด้วยองค์ประกอบของคณะกรรมการคือ “ผู้แทนเด็กและเยาวชนซึ่งได้รับเลือกจากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย จำนวน 2 คน เป็นชาย 1 คนและหญิง 1 คน”
ข้อความดังกล่าวสะท้อนชัดเจนถึงการขาดมิติการให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศ นอกจากนี้ ในใบสมัครเข้าร่วมการเป็นสมาชิกสภาเด็กและเยาวชนมีการระบุให้เป็น “ชาย” หรือ “หญิง” เท่านั้น
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องอีก 9 เรื่อง และดาวน์โหลดเนื้อหา/Pocketbook ทั้งเล่ม คลิกที่นี่