“ธรธรร การมั่งมี” เกิดในครอบครัวเกษตรกรยากจนครอบครัวหนึ่ง เขามีเชื้อจีนจากพ่อและมีความเป็นชนเผ่าปกาเกอะญอจากแม่ เขาเล่าว่า “ผมคิดว่าผมเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของความเป็นชนเผ่ามากกว่านักกฎหมายคนอื่นๆ เลยนะ” ธรธรรได้รับแรงบันดาลใจอย่างมหาศาลจากการอ่านหนังสือเรื่อง “ทนายข้างถนน” ที่เขียนโดย John Grisham เขาตัดสินใจทิ้งเงินเดือนจำนวนมากไว้เบื้องหลังจากอาชีพนายธนาคาร เพื่อเลือกที่จะเป็นนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน ที่ทำงานเพื่อผู้ด้อยโอกาสในสังคม
หลังจบการศึกษาด้านนิติศาสตร์ ธรธรรได้สมัครเข้าทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นเขาได้ทราบข่าวการรับ อส.นักสิทธิ์ ของ มอส. เขาตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อสมัครโครงการทันที ที่สุดเขาผ่านการคัดเลือกโดยทำงานเรื่องที่ดินและชุมชนแออัดที่จังหวัดอุบลราชธานี เขาทำงานอยู่กับกลุ่มคนไร้สัญชาติชาวลาวที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในไทยเป็นเวลานานแต่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน เขาทำงานอยู่กับองค์กรนี้จนครบวาระอาสาสมัคร 1 ปี และทำงานอยู่ที่นั่นต่อแบบคนไม่มีเงินเดือนเป็นเวลา 3 เดือน มีเพียงน้ำใจจากเพื่อน อส.รุ่นเดียวกันเท่านั้น ที่ช่วยบริจาคเป็นค่าใช้จ่ายให้เขาเดือนละ 500 บาท แม้เป็นจำนวนเงินเพียงน้อยนิด แต่มันช่วยปลุกกำลังใจให้เขาทำงานต่อไป หลังจากนั้นธรธรรตัดสินใจย้ายกลับไปปักหลักที่บ้านเกิดจังหวัดเชียงใหม่ และได้เข้าทำงานที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิชุมชนท้องถิ่นซึ่งทำงานในประเด็นที่ดินและสิทธิชุมชน
ปัจจุบันเขาทำงานที่ Earth Rights International โดยทำงานในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศและประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการเขื่อนขนาดใหญ่ ซึ่งเขาเฝ้าติดตามประเด็นเขื่อนฮัตจีในพม่าที่ลงทุนโดยรัฐบาลไทยและ กฟผ. เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายขององค์กร เขาเล่าว่าเขาได้รับโอกาสที่ดีมากจากงานที่เขาทำ เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานด้านต่างๆ ในระดับสากลจากชาวต่างชาติ ซึ่งแตกต่างจากประสบการณ์เดิมที่เขาได้เรียนรู้มาในช่วงก่อนหน้านี้ที่ถูกจำกัดอยู่แค่ระดับท้องถิ่นเท่านั้น
เขาเล่าว่า “ก่อนหน้านี้ผมพุ่งเป้าการทำงานเฉพาะระดับท้องถิ่นและไม่ได้สนใจประเด็นงานในระดับภูมิภาคหรือระดับนานาชาติมากนัก เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์หรือส่งผลกระทบใดๆ ต่อประเทศไทยเลย” แต่หลังจากเขาได้พบประสบการณ์จริง ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่า คนรุ่นใหม่ควรจะให้ความสำคัญกับกลไกการทำงานในระดับนานาชาติมากขึ้น
ภารกิจหลักของเขาคือการทำกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้กับชาวบ้าน ซึ่ง EIA เป็นเรื่องสำคัญมากหากจะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ในช่วงนี้เขาได้จัดเวทีให้ข้อมูลกับชาวบ้านขึ้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับกลไกด้านกฎหมาย
ธรธรรเล่าว่าก่อนที่เขาจะเข้าร่วมโครงการ อส.นักสิทธิ์ เขารู้จักเฉพาะประเด็นปัญหาชุมชนแออัดในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น เขาไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน แต่ในที่สุดเขาก็รู้จักกับมันหลังจากเข้าร่วมโครงการ อส.นักสิทธิ์ และได้ทำงานในพื้นที่ชุมชนแออัดที่อุบลราชธานี เขาพบว่าชาวบ้านประสบปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน บริษัทเอกชนได้ทำการยึดที่ดินทำกินและดำเนินการทางกฎหมายฟ้องร้องขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ ตัวเขาเองเป็นหนึ่งพลังที่คอยสนับสนุนช่วยเหลือชาวบ้านให้ต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์กับบริษัทและจากรัฐ
(ติดตามตอน 2 จันทร์หน้า)
—————————————————
Siza Nepal / สัมภาษณ์
อารีวัณย์ สมบุญวัฒนกุล / แปล
เมธี สิงห์สู่ถ้ำ / เรียบเรียง