เรื่อง : เมษยา เสมอเชื้อ
อาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน รุ่น 14 / มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
จากต้นธารแห่งลำน้ำปิงไกลออกไปคือดอยหลวงเชียงดาว ใช่…วันนี้เราอยู่ที่เชียงดาว เพื่อนๆรู้มั๊ยว่า ที่แห่งนี้มันคือถิ่นที่ที่ช่วงชีวิตหนึ่งเราเคยมาทำหน้าที่ครูสอนเด็กที่นี่ ไม่รู้ทำไมจิตใจเราจึงเผลอคิดย้อนไปถึงวันวานที่ผ่านมาได้ ทั้งที่ตอนนี้ชีวิตเรากำลังแวดล้อมไปด้วยเพื่อนๆ ที่หวนกลับมาเจอกันอีกรอบในวาระ 8 เดือน อาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน รุ่น 14
หลังจากวาระ 4 เดือนจบลง เราและเพื่อนๆ ทั้ง 20 คนก็ได้แยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจในองค์กร-พื้นที่ทำงานของตนเอง ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เรารอคอยมา 4 เดือนเต็มๆ เรารอคอยที่จะกลับมาเจอเพื่อนๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราว เติมเต็มชีวิตให้กันและกัน อาจเป็นการย้ำเตือนความเป็นตัวตนของเราว่าวันนี้เรากำลังทำอะไรเพื่อใครอยู่ แม้บางครั้งเราอาจหลงลืมตัวตนของตัวเอง เอนไหวไปบ้างกับงานที่หนักหน่วง การกลับมาเจอเพื่อนๆ จะคอยฉุดดึง เกื้อกูลกันและกัน ….มาถึงตอนนี้เชื่อมั๊ยว่า ใจเราเผลอคิดย้อน(อีกแล้ว)กลับไปถึงช่วงวาระ 4 เดือนก่อน คิดถึงโจทย์ของวิทยากรท่านหนึ่งที่ให้โจทย์พวกเราตอน Workshop ว่า “ให้ลองตอบตัวเองดูว่า เราคือใคร” ตอนนั้นจำได้ว่าเราค่อนข้างที่จะนึกนานไปหน่อย
แนะนำตัวก่อน….. ลืมเลย เราชื่อ “เมย์ – เมษยา เสมอเชื้อ” เราเรียนจบครูนาฏศิลป์ ได้มีโอกาสได้ผันตัวเองไปเป็นครูอาสาบนดอยที่หมู่บ้านชาวเขาชาติพันธ์กะเหรี่ยง ชื่อ “หมู่บ้านหินลาดนอก” ได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตร่วมกับชาวบ้านปาเกอญอ 1 ปีกับอีก 6 เดือน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมาย ได้รู้ได้เห็นเห็นวิถีชีวิตของพวกเขา ได้เห็นปัญหาของเขาแล้วรู้สึกร่วมไปพร้อมๆกับพวกเขา มองหาวิธีที่จะเอาตัวเองเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา
ไม่รู้ว่าอาจจะเป็นบุญหรือกรรม หรือโชควาสนาก็ไม่รู้ ที่ทำให้เราได้เจอพี่คนหนึ่งที่เคยเป็นครูอาสาที่นี่เหมือนกัน เขาบอกว่าเขาเป็น บอ. ซึ่งในตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่า บอ. มันคืออะไร เพิ่งมารู้ตอนหลังๆว่า บอ. มันมีชื่อเต็มว่า “บัณฑิตอาสาสมัคร” มันเป็นโครงการหนึ่งของสำหนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ก็นั่นแหละ ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดอะไรมาก เราได้แต่ตั้งคำถามนั่นนี่กับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไปเรื่อยๆ
…เอ้ออออ…มาถึงตรงนี้เรานึกถึงพี่อีกคนชื่อ “พี่อารีย์” แกเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเมืองอาสา ของมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม(มอส.) ขอบอกตรงนี้เลยว่า พี่อารีย์เป็นคนทำให้เราได้รู้จักกับโครงการอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน มอส. ก็พี่แกนี่แหละที่แนะนำให้เราสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ และก็ทำให้เราได้เดินทางมาถึงตรงนี้ มานั่งคิดนั่งเหม่อฟังเสียงคลื่นซัดสาดชายฝั่งอย่างสบายใจ ย่าน อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
ในวันที่เราตัดสินใจสมัครนั้นมันมีเรื่องให้เราคิดมาก เพราะต้องทำสองเรื่องไปพร้อมๆกัน คือการส่งเล่มวิทยานิพนธ์ ป.โท และรอลุ้นการรับสมัครเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน รุ่น 14 ด้วย แต่วันนี้คงเป็นเวลาของเราจริงๆ เราส่งเล่มวิทยานิพนธ์ได้ทันหวะ และเราก็ได้รับโอกาสจากมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ(มพน.) เขารับเราเข้าไปทำงานด้วย นั่นแหละคือวันที่เราได้เป็น อาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน รุ่น 14 เต็มตัว
มพน. ทำงานเกี่ยวกับประเด็นสิทธิในที่ดินทำกินทั้งในและนอกเขตป่า แรกๆเรารู้สึกงงๆ เพราะเราตั้งหลักไม่ทันกับงานที่ท้าทายเราอยู่เบื้องหน้า เราไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นตรงไหนหรือต้องทำอะไรบ้าง แต่เมื่อเราได้เริ่มต้น ได้ลงมือทำมันจริงๆ ทำให้วันนี้เราพูดได้เต็มปากว่าเราเหมือนเป็นนกตัวหนึ่งที่กางปีกและบินออกจากรังได้ด้วยตัวเองแล้ว ในระยะสั้นๆนี้ เราตั้งเป้าที่จะทำงานในเขตป่าให้เข้มข้น ทำพื้นที่จิตวิญญาณ ตาม “มติ ครม. 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง” ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เราคิดว่าเราจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ถ้าจะให้สรุปก็คงสั้นๆ เกี่ยวกับชีวิตเราที่เป็นเราในวันนี้ เราคิดว่าเป็นเพราะ เราเลือก มพน. และ มพน. ก็เลือกเรา หากในวันนั้นเราเลือกอีกองค์กร เราค่อนข้างไม่แน่ใจว่า จริตเรากับองค์กรนั้นจะตรงกันหรือเปล่า ถ้าถามความรู้สึกเราในวันนี้ เรารู้สึกมีความสุขดีมากในจุดที่เรายืนอยู่นี้ เราสามารถนั่งนิ่งๆเพื่อจัดการความทุกข์สุขของตัวเองได้